ศิลปะการสลักผักผลไม้ที่คงอยู่คู่กับวัฒนธรรมไทย

FZAAZ_d13การแกะสลักจัดเป็นศิลปะประเภทหนึ่งที่รวมอยู่ในสาขาประติมากกรรม แต่ที่แตกต่างก็คือกรรมวิธีของการแกะสลักคือการเฉือนออก และเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะนอกจากจะทำรายได้ให้กับผู้ผลิตแล้วยังเป็นอุตสาหกรรมที่แสดงออกถึงความมีศิลปะอันประณีตของชาติไทยอีกด้วย การแกะสลักเป็นเทคนิคการสร้างสรรค์งานประติมากรรมมาแต่โบราณ ในการสร้างสรรค์จะต้องวางแผนงานไว้ก่อน เพราะการแกะสลักออกไปแล้วไม่สามารถจะเพิ่มเข้าไปใหม่อีกได้ เพราะวัสดุที่ใช้แกะสลักนั้นเป็นชนิดของแข็ง ได้แก่ หิน ไม้ ส่วนในการศึกษาของนักเรียนนั้นอาจจะใช้วัสดุจำพวกไม้เนื้ออ่อน สบู่ ปูนปลาสเตอร์ ผัก ผลไม้ เป็นต้น

ปัจจุบันองค์ความรู้การประดิษฐ์สร้างสรรค์ศิลปะแขนงนี้แพร่ขยายกว้างขวางออกสู่ชุมชน ปรากฏหลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาโรงเรียนและยังแพร่หลายไปในต่างประเทศบอกเล่าวิถีวัฒน ธรรมมรดกไทย และด้วยเอกลักษณ์คุณค่าในงานช่างแกะสลักผักผลไม้ นอกจากเด่นชัดในด้านประโยชน์ใช้สอย โดยแบ่งได้ตามลักษณะการใช้งาน งานแกะสลักยังให้คุณค่าทางด้านจิตใจ สร้างสมาธิความภาคภูมิใจและเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ทรงคุณค่าเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญและเพื่อธำรงรักษางานแกะสลักคงอยู่คู่กับวัฒนธรรมไทย การแกะสลักผักและผลไม้เป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทยเลยทีเดียว ซึ่งไม่มีชาติใดสามารถเทียมได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในปัจจุบันนี้เห็นจะเป็นเรื่องของการอนุรักษ์ศิลปแขนงนี้ที่มีแนวโน้มจะสูญหายไปหรือลดน้อยลงไปเรื่อย

การสลักผักผลไม้นอกจากจะเป็นการฝึกสมาธิแล้วยังเป็นการฝึกฝีมือให้เกิดความชำนาญเป็นพิเศษ และต้องมีความมานะ อดทน ใจเย็น และมีสมาธิเป็นที่ตั้ง รู้จักการตกแต่ง มีความคิดสร้างสรรค์ การทำงานจ้องให้จิตใจทำไปพร้อมกับงานที่กำลังสลักอยู่ จึงได้งานสลักที่สวยงามเพริศแพร้วอย่างเป็นธรรมชาติ ดัดแปลงเป็นลวดลายประดิษฐ์ต่างๆตามใจปรารถนา เป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งที่ถือเป็นมรดกล้ำค่าที่สืบทอดกันมายาวนาน เป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความถนัด ความสามารถเฉพาะตัว และความละเอียดอ่อนมาก การแกะสลักจึงเป็นศิลปะที่ไม่ตาย สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ ปัจจุบันชาวต่างชาติให้ความสนใจศิลปะการแกะสลักมาก ดังนั้นคนไทยทุกคนควรหันมาให้ความสนใจศิลปะแขนงนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่และช่วยสืบทอดศิลปะอันงดงามของไทยให้คงอยู่ตลอดไป

ศิลปินและนักออกแบบใช้จินตภาพแปลงความคิด

ในการสร้างงานใดๆ ก็ตาม ผู้ออกแบบการแสดงจะต้องสามารถอธิบายรายละเอียดของงาน ความหมายหรือสิ่งที่ต้องการจะสื่อให้ผู้แสดงได้รับทราบอย่างละเอียด เพราะผู้แสดงจะเป็นผู้ถ่ายทอดผลงานทางความคิดให้ปรากฏแก่สายตาของผู้ชม ให้ได้รับรู้ถึงจินตนาการทางความคิดของผู้สร้างงาน ผู้ออกแบบการแสดงที่ดีจึงนิยมคัดเลือกผู้แสดงผลงานของตนด้วยตัวเอง เพื่อให้ตรงกับผลงานอันจะทำให้สัมฤทธิผลใกล้เคียงที่สุด และการที่ผู้ออกแบบการแสดงรู้จักผู้แสดงเป็นอย่างดี ก็จะเอื้อประโยชน์แก่ผู้ออกแบบการแสดงได้ โดยนำความสามารถเฉพาะตัวของผู้แสดงมานำเสนอนั่นเอง ส่วนคุณสมบัติที่ดีของผู้แสดง ก็คือ การเคารพในความคิดของผู้ออกแบบการแสดง หมายความว่าผู้แสดงจะต้องเชื่อมั่นและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ออกแบบการแสดง แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าผู้แสดงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆ ได้เลย ผู้แสดงควรสำนึกในมารยาทของการเป็นผู้ถ่ายทอดผลงาน การแสดงความคิดเห็นจะอยู่ในขอบเขตที่พึงกระทำได้ เช่น ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ออกแบบได้ เนื่องจากขีดจำกัดทางความสามารถ ความขัดแย้งของท่ากับทิศทางหรือความบกพร่องใดๆ ก็ตาม ผู้แสดงสามารถแจ้งหรือแนะนำแก่ผู้ออกแบบได้ โดยการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจเป็นหน้าที่ของผู้ออกแบบเท่านั้น

ในการร่วมงานระหว่างผู้ออกแบบและผู้แสดง จำเป็นต้องอาศัยการถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการทำงาน ดังนั้นหากทุกคนรู้หน้าที่และขอบเขตของการทำงานแล้ว ผลงานการแสดงก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น

ในกระบวนการออกแบบการแสดงนั้น นอกเหนือจากการที่ผู้ออกแบบจะสามารถสื่อสารกับผู้แสดงได้ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ในขั้นตอนการนำเสนองานเพื่อของบประมาณสนับสนุนการแสดง หรือเพื่อเสนอขายผลงานนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ออกแบบจะต้องสามารถอธิบายจินตภาพที่ได้วาดไว้ในสมองนั้น สื่อสารให้ผู้อำนวยการสร้าง ผู้ลงทุน ผู้ให้การสนับสนุนเชื่อถือในความคิด และเห็นคล้อยตามได้ว่าการแสดงนั้นจะประสบความสำเร็จและคุ้มค่าแก่การลงทุนจัดแสดงเพียงใด นักออกแบบการแสดงในประเทศอาจยังมีข้อด้อยในการนำเสนอในลักษณะ เพราะบางครั้งความเป็นตัวตน (Ego) ของผู้ออกแบบที่มีความเป็นศิลปินสูง ไม่สามารถถ่ายทอดความคิดเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจในกระบวนการนำเสนอผลงานจะยังประโยชน์แก่ผู้ออกแบบได้เป็นอย่างดี

เทคนิคการเขียนภาพด้วยสีและอุปกรณ์ต่างๆ

สำหรับเทคนิคและวิธีการเขียนภาพ มีดังนี้

1.ภาพเขียนดินสอ  มีวิธีการเขียนหลายวิธี ตามลักษณะที่เหมาะสมของไส้ดินสอที่แข็งหรืออ่อน  ดินสอที่แข็งเหมาะสำหรับการฝนและแรงเงาที่ประณีต ส่วนดินสออ่อนนั้นเหมาะสำหรับการเขียนภาพร่าง ด้วยการเหลาดินสอเป็นแผ่นแบน  ชนิดของดินสอได้แก่ H จนไปถึง 7H และมีอ่อนธรรมดา คือ  B จนถึงอ่อนมาก 6B ซึ่งช่วยให้ศิลปินสามารถเขียนภาพลายเส้นดินสอได้ลักษณะต่างๆ

2.ภาพเขียนชอล์ก ซึ่งชอล์กที่ใช้ในการเขียนจะมีเนื้อละเอียดและมีสีสวยงามกว่าชอล์กเขียนกระดานดำ โดยชอล์กมีความสะดวกและคุณสมบัติในการเขียนเหมาะสำหรับเขียนภาพฝึกหัด

3.ภาพเขียนพาสเทล สำหรับพาสเทลนั้นศิลปินใช้ในการเขียนร่างภาพในการทำงานขั้นต้น หรือใช้เป็นการเขียนภาพใช้จริงเลย

4.ภาพเขียนหมึก โดยภาพเขียนแต่ละภาพนั้นจะใช้หมึกเพียงสีเดียวเป็นสำคัญ แต่ศิลปินอาจจะใช้สีที่มีคุณค่าอ่อนแก่แตกต่างกันได้ ศิลปินจะเลือกใช้ปากกาชนิดต่างๆ  ตามที่ตนถนัด และจะต้องเขียนด้วยปากกาหรือพู่กันชนิดและขนาดต่างๆ ด้วยความชำนาญ จึงจะสามารถเขียนภาพหมึกได้งดงาม

5.ภาพเขียนสีถ่าน สามารถที่จะใช้ถ่านเขียนเป็นแผ่นบางๆ ปกคลุมเนื้อที่ใหญ่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว  ด้วยการใช้คุณค่าของความอ่อนแก่ของสีของถ่านจะได้ผลงดงาม กระดาษสำหรับเขียนสีถ่านควรเป็นกระดาษที่มีพื้นผิวละเอียดอ่อนนุ่ม  จะเขียนได้งดงามกว่ากระดาษวาดเขียนทั่วไป ทั้งนี้จะสกปรกและเสียหายได้ง่าย  จึงควรพ่นด้วยน้ำยาเคลือบบางๆ เพราะจะช่วยให้สวยงามและคงทนขึ้นได้

6.ภาพระบายสีด้วยสีเทียน เป็นการสร้างภาพที่สามารถทำได้ง่ายเพราะใช้อุปกรณ์ไม่มาก แต่การทำให้ภาพสวยงามต้องอาศัยการฝึกวาดอยู่เสมอ

7.ภาพเขียนสีน้ำ จะมีเทคนิควิธีการแตกต่างกัน ตามความถนัดและความสามารถเฉพาะตน ถ้าได้ศึกษาฝึกเขียนจนเกิดความชำนาญแล้วขั้นตอนจะไม่ตายตัว แต่มีหลักเกณฑ์อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมชาติของการเขียนสีน้ำที่ควรคำนึง คือ การลงน้ำหนักจากอ่อนไปหาเข้ม

ดังนั้น หากผู้ที่สนใจจะเป็นนักวาดภาพหรือเพื่อเป็นแนวทางในการเขียนภาพวาดและการลงสีต่างๆ สามารถที่จะนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานได้

พิพิธภัณฑ์ศิลปะในขวดแก้วกับสถานที่น่าหลงใหล

พิพิธภัณฑ์ศิลปในขวดแก้ว เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานแบบจำลองสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งบรรจุอยู่ในขวดแก้ว โดยฝีมือการสร้างสรรค์ของ คุณประไพศรี ไทพาณิชย์ ศิลปินร่วมสมัยชาวชลบุรี กับมิสเตอร์ ปีเตอร์ เบย์ เดอเลย์ ศิลปินชาวเนเธอร์แลนด์ ผู้เป็นอาจารย์ของคุณประไพศรี และเป็นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์เมื่อ พ.ศ. 2538 โดยสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ศิลปะในขวดแก้วยุคใหม่ ได้ย้ายสถานที่จัดแสดงมาอยู่ที่ The Kingston Park ศูนย์การเรียนรู้ และแหล่งบันเทิงศึกษาครบวงจรแห่งแรกในเมืองพัทยา ภายในพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ แบ่งการจัดแสดงเป็น 3 ห้อง ไล่เรียงจากผลงานชิ้นง่ายจนถึงผลงานชิ้นเอกของ อ.ประไพศรี ซึ่งใช้เวลาในการสร้างนานนับปี ในการสร้างงานศิลปะทรงคุณค่าเหล่านี้ ซึ่งมีแสดงดดยแยกเป็นโซนการแสดงต่างๆดังนี้

โซนที่ 1 เป็นห้องจัดแสดงกระบวนการผลิต  ได้แก่ สร้างรูปจำลอง (Model) จากภาพถ่ายโดยใช้วัสดุที่สามารถตัดแยกเป็นชิ้นเล็กได้ ตกแต่งบริเวณโดยรอบด้วยกิ่งไม้แห้ง หญ้าพลาสติก ดอกไม้กระดาษเล็กๆ หิน ทราย ให้เหมือนจริง โดยเลือกขวดแก้วใสให้ได้ขนาดและรูปทรงเหมาะสมกับ Model นั้น ทำความสะอาด ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท จากนั้นรองพื้นขวดด้วยดินน้ำมันเพื่อยึดชิ้นงาน และตัดแยกชิ้นส่วนให้เป็นชิ้นเล็กๆขนาดพอที่จะนำผ่านปากขวดเข้าไป ดังนั้นการสร้างงานศิลปะใน ขวดแก้วแต่ละผลงาน จึงต้องใช้เวลานานมากและต้องใช้ความอดทนสูงหลังจากนั้นใช้พู่กันที่ดัดปลายให้งอ เกลี่ยสีปิดตรงรอยต่อของชิ้นส่วน เพื่อให้ผลนั้นงานสวยงามยิ่งขึ้นเมื่อเรียบร้อยแล้วก็ทำความสะอาดขวดแก้วอีกครั้งทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก็จะได้ผลงานศิลปะในขวดแก้วที่ สวยงาม

โซนที่ 2 เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการ บ้านและที่อยู่อาศัย โดยการจำลองบ้านอยู่อาศัยของผู้คนแต่ละชุมชน แต่ละ ท้องถิ่น แต่ละประเทศ จะเห็นได้ว่าแบบบ้าน หรือรูปทรงของบ้านในแต่ละท้องถิ่น มีความแตกต่างกันตามประโยชน์ใช้สอยซึ่งสามารถบ่งบอกถึงสภาพภูมิประเทศ และสภาพภูมิอากาศของชุมชนนั้นๆได้เป็นอย่างดี

โซนที่ 3 เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการความเชื่อทางศาสนา ในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้นั้น จำเป็นต้องมีกฎ มีระเบียบ มีกติกา ที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ จึงเกิดมีประเพณีปฏิบัติ ความเชื่อทางศาสนาของชุมชนแต่ละชุมชนแตกต่างกันออกไป และยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนกลายเป็นวัฒนธรรมประจำท้องถิ่นนั้นๆ

โซนที่ 4 เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการ ไฮไลต์ ของพิพิธภัณฑ์ เป็นการจัดแสดงเรื่องราวของสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงและสวยงาม ของหลายๆ ประเทศในโลก โดยจำลองไว้ในขวดแก้วรูปทรงหยดน้ำขนาดใหญ่ที่หายาก และต้องนำเข้าจากประเทศอิตาลีเป็นส่วนใหญ่ การสร้างรูปจำลองในขวดแก้วขนาดใหญ่เป็นงานที่สร้างยากที่สุด

ดังนั้น พิพิธภัณฑ์ศิลปในขวดแก้วถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว เหมาะสำหรับการนำนักเรียนไปทัศนศึกษาหรือพาเด็กๆไปเที่ยวชมในวันหยุด

ความนิยมในการวาดภาพด้วยสีน้ำมันมาอย่างช้านาน

1_display
ภาพวาดสีน้ำมัน เป็นสุดยอดในบรรดาภาพวาดทั้งหลาย ทั้งความนิยมและราคา ภาพสีน้ำมันสามารถเก็บได้นานเป็นเป็นร้อยๆปี เช่น ภาพโมนาลิซ่าของลีโอนาโด ดาวินซี่ เป็นต้น สามารถออกแบบสีได้หลากหลาย มีราคาสูงเมื่อเทียบกับภาพเขียนสีชนิดอื่น อุปกรณ์ที่ใช้มีราคาแพงกว่า เหตุที่เก็บได้นานเพราะวัสดุพื้นรองวาดใช้ผ้าใบมีการทำสีรองพื้น ทั้งการใช้น้ำมันและสีที่ใช้เป็นสิ่งช่วยให้ภาพคงทน สีไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาเปลี่ยนไป เป็นสีที่นิยมใช้ในงานศิลปะมากว่า 500 ปี สืบเนื่องจากการที่มนุษย์ต้องการให้ภาพวาดของตนมีความคงทนถาวรมากกว่าการใช้น้ำผสมสี จึงมีการคิดนำเอาเนื้อสีจากธรรมชาติมาผสมกับน้ำมัน ศิลปินในอดีตนิยมใช้สีน้ำมันเนื่องจากมีความคงทน เก็บรักษาได้นานนับร้อยปี และเมื่อมีบริษัทผู้ผลิตคิดนำสีน้ำมันมาบรรจุหลอดขาย ก็ยิ่งทำให้การใช้งานสะดวกสบายขึ้น สีน้ำมันจึงเป็นที่นิยมของเหล่าศิลปินมาจนทุกวันนี้

ประเภทของสีน้ำมันที่ใช้ในการวาดภาพ

1.สีน้ำมันแบบดั้งเดิม เลือกใช้ได้สองลักษณะ สีน้ำมันสำหรับศิลปินมีหลากหลายสี ผลิตจากรงควัตถุที่มีความเข้มข้นสูงและมีสีที่เด่นชัด
2.สีน้ำมันแห้งเร็ว ใช้ได้ตั้งแต่กลวิธีระบายสีหนาจนถึงการระบายฉาบสี เป็นสีที่แห้งเร็วกว่าสีน้ำมันแบบดั้งเดิม สีกริฟฟินมีความโปร่งแสงมากกว่าสีทั่วไป
3.สีน้ำมันผสมน้ำ เป็นสีน้ำมันลักษณะใหม่ ซึ่งใช้ผสมน้ำแทนน้ำมันผสมสี มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับสีน้ำมันที่นิยมกัน สีน้ำมันชนิดนี้เหมาะกับการใช้ในโรงเรียนและในสตูดิโอ
4.สีน้ำมันแท่ง เป็นสีน้ำมันชนิดแท่ง มีความนุ่มนวลเข้มข้น ใช้เขียนภาพได้ทันที มีคุณสมบัติเหมือนสีที่นิยมกันทั่วๆไป ไม่ใช่สีเทียนหรือสีชอล์ก เนื้อสีของสีน้ำมันแท่ง มีความถาวรสูง
5.การผสมผสานสีน้ำมันที่ต่างกัน สีลักษณะต่างๆเหล่านั้นสามารถใช้ผสมผสานกันได้ มีข้อยกเว้นดังนี้ไม่แนะนำให้ใช้สีน้ำมันแท่งหนาๆใต้สีชนิดอื่น เมื่อใช้สีน้ำมันผสมสีน้ำอาทีซาน สีชนิดอื่นก็ไม่ควรใช้ร่วม

ขั้นตอนการวาดภาพสีน้ำมัน

1. ร่างภาพลงบนแคนวาสด้วยดินสอดำ ดินสอสี หรือแท่งถ่านเกรยองก่อนลงสีรูป
2. ตกแต่งภาพร่างให้เหมาะสม
3. ผสมสีน้ำมันด้วยลินสีดหรือน้ำมันสน หรือลิควิน ให้มีความหนืดพอเหมาะ
4. ระบายสี ส่วนรวมเป็นบรรยากาศของภาพทั้งหมดด้วยพู่กันขนาดใหญ่
5. เพิ่มรายละเอียดของสีและแสงเงาในภาพให้ใกล้เคียงกับแบบ
6. ตกแต่งรายละเอียดของภาพโดยใช้พู่กันขนาดเล็ก
7. เมื่อสีแห้งสนิทแล้ว เคลือบด้วยวานิช

พิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะมาดามทุสโซ ที่มีประวัติยาวนานจากฝรั่งเศส

พิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะมาดามทุสโซ มีประวัติอันยาวนานกว่า 200 ปีมาแล้วในกรุงปารีส ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งบุคคลที่มีชื่อเสียงได้รับคัดเลือกให้เป็นแบบในการปั้นหุ่นขี้ผึ้ง สิ่งที่ทำให้หุ่นขี้ผึ้งของมาดามทุสโซมีชื่อเสียงได้นั้น มากจากงานที่ประณีต งานการปั้นหุ่นขี้ผึ้งที่ “เหมือนคนจริง” มากที่สุด ทั้งส่วนสูง รูปร่าง หน้าตา รวมไปถึงเครื่องแต่งกาย ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น โดยทีมงานมืออาชีพที่ใช้เวลากว่า 4-6 เดือนในการปั้นหุ่นแต่ละตัว อีกทั้งยังให้ผู้ที่ชื่นชอบคนดังสามารถเข้าไปใกล้ชิดและถ่ายรูปกับบุคคลเหล่านั้นได้

พิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะมาดามทุสโซ ได้จัดการแสดงขึ้นในไทยเป็นแห่งที่ 10  พร้อมด้วยหุ่นขี้ผึ้งมากกว่า 75 ตัว ให้คุณเต็มเปี่ยมกับประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟ ที่ให้มาดามทุสโซเป็นมากกว่าพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง คุณสามารถร่วมถ่ายภาพและคลุกคลีอย่างใกล้ชิดกับหุ่นทุกตัวราวกับการพบปะบุคคลสำคัญบนพรมแดง หรือจะท้าประลองกับนักกีฬาคนโปรดและขึ้นเวทีกับนักร้องที่คุณชื่นชอบ ทั้งหมดทำได้ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ

ในห้องจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งนั้นถูกแบ่งออกเป็นหลากหลายห้อง โดยแต่ละห้องจะแบ่งบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆไว้ด้วยกัน ซึ่งเมื่อผ่านช่องขายตั๋วมาแล้วจะมีห้องแรกที่จัดแสดงเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระราชวงศ์จักรีตลอดยุคสมัยอันยาวนาน นอกจากนี้ยังมีความรู้ในราชวงศ์ต่างๆให้ได้ศึกษากันด้วย ในห้องถัดมา จะเป็นห้องที่รวบรวมหุ่นของบุคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศจากทั่วโลก และยังมีประวัติให้ได้ศึกษากันด้วย หลังจากเยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีห้องที่อยู่ชั้นบนสุดที่จะพบกับรูปปั้นของ มาดาม มารี ทุสโซ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ โดยในห้องนี้จะเป็นส่วนที่ใช้ในการจัดแสดงถึงประวัติของพิพิธภัณฑ์และกรรมวิธีการทำหุ่นขี้ผึ้งแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อให้เราได้ศึกษากันด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาประวัติคนที่มีชื่อเสียงในอดีตหรือมีความชื่นชอบส่วนตัวในบุคคลต่างๆ สามารถเข้ามาเยี่ยมชม และกระทบไหล่ดาราที่ชื่นชอบได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีโซนกิจกรรมมากมายเพื่อสร้างความสนุกสนานอีกด้วย

Phuket Trickeye Museum กับห้องแสดงผลงานด้านศิลปะ

Phuket Trickeye Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติที่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของศิลปะ 3 มิติแบบเต็มๆ ซึ่งทุกภาพสร้างสรรค์โดยจิตรกรชาวเกาหลีโดยใช้เทคนิคการวาดภาพลวงตาให้ความรู้สึกเสมือนจริง สำหรับในพิพิธภัณฑ์สามมิติจะมีการจัดแบ่งโซน ประกอบไปด้วย โซน Classic In Flameที่มีการรวมภาพวาดที่มีชื่อเสียงของจิตรกรชื่อดังต่างๆ มาล้อเลียนไว้โซน U Varietyจะรวบรวมภาพหลากหลายอารมณ์ ทั้ง ตลก สนุกสนาน แปลกตา ไว้ด้วยกัน
โซน Tee Lor Su Waterfall จะเป็นการจำลองส่วนหนึ่งของน้ำตกทีลอซูมาไว้โซน Primitive จะเป็นการรวบรวมภาพโบราณ ดึกดำบรรพ์ ภาพศิลปะเรื่องเล่าในอดีต และโซน Body Move ต้องใช้ร่างกายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภาพวาด 3 มิตินั้นๆ จากที่กล่าวมานี้จะมีภาพวาดแบบ 3 มิติได้มากกว่า 100 ภาพ โดยภายในพิพิธภัณฑ์สามมิตินั้นถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้น ซึ่งชั้นแรกจะเน้นเป็นภาพการผจญภัยต่างๆชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งด้านบนจะถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ

ทั้งนี้ภายในพิพิธภัณฑ์สามมิติ จะมีภาพวาดที่บ่งบอกถึงความเป็นเมืองภูเก็ตตรงกับเจตนารมณ์ของผู้สร้างที่ต้องการอนุรักษ์ไว้ นอกจากนี้จะมีภาพวาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาพน้ำตกทีลอซู เป็นภาพที่ใหญ่ที่สุด เป็นจุดที่เด่นและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมากภาพวาดปีกนางฟ้า ที่ใครได้เห็นเป็นต้องเอาหลังตัวเองมาวางกับกำแพงแอ๊คท่าน่ารักภาพวาดถูกฉลามกิน ที่จินตนาการตามภาพว่ากำลังถูกเขมือบกันเป็นแถว นอกจากที่กล่าวมานี้ยังมีภาพวาดต่างๆอีกมากมายที่ให้ได้ชื่นชมและเก็บภาพน่ารักๆ ไว้เป็นที่ระลึก

ทั้งนี้การแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นอกจากจะทำ ให้ทุกๆ คนสามารถเข้าใจงานศิลปะอย่างง่ายดายแล้ว ยังทำให้เพลิดเพลินกับงานศิลปะและสร้างความสนุกสนานกับทั้งครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนพ้องน้องพี่ และคู่รัก รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยอีกด้วยทุกๆ ห้องผู้ชมสามารถ เข้าชมและสัมผัสกับศิลปะได้อย่างใกล้ชิด ฉะนั้นหากผู้ที่กำลังหาแหล่งท่องเที่ยว สำหรับพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติPhuket Trickeye Museumนั้นนับว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งได้เป็นอย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว

บทบาทและหน้าที่ของศิลปินนั้นมีอยู่มากมายด้วยกัน

24

ท่ามกลางการผันแปรของสังคม  ศิลปินจึงเกิดขึ้นเสมอและมีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นไปตามสภาพธรรมชาติของมนุษย์ ที่เบื่อหน่ายต่อความซ้ำ ๆ ซาก ๆ และจำเจ แหล่งกำเนิดของศิลปินนั้นก็คือสถาบันการศึกษาศิลปะ หากพิจารณาดูหลักสูตรและวิธีการศึกษาศิลปะในสำนักศึกษา แต่ละแห่งต่างคิดค้นหาวิธีให้ผู้ศึกษามีความรู้ ความสามารถตามเป้าหมายที่กำหนดไว้  บางแห่งก็ยึดถือเอาฝีมือมาก่อนความคิดมีการศึกษาค้นคว้าจากธรรมชาติโดยตรงจากนั้นจึงค่อยพัฒนาตนเองสู่แนวการสร้างสรรค์ บางสำนักก็ถือว่าความรู้มาก่อนฝีมือตัดทอนการศึกษาโดยตรงจากธรรมชาติเขาสู่แนวทางแห่งการสร้างสรรค์โดยทางลัด บางสำนักก็ตัดปัญหาศึกษาแต่ของดีที่ศิลปินสมัยต่าง ๆ ได้ทำได้ค้นคว้ามาอย่างถูกต้องถ่องแท้ผู้ศึกษามีหน้าที่ลอกเลียนและจดจำ สามารถนำมาปฏิบัติได้ก็เพียงพอแล้ว

จึงปรากฏให้เห็นเสมอ ที่นักศึกษาจากสถาบันนั้นคิดเก่งแต่ทำไม่ได้หรือบางคนจากสถาบันโน้นสร้างงานดีฝีมือเยี่ยม  แต่ความคิดก็อย่างงั้น ๆ  ส่วนผู้สำเร็จจากอีกสถาบันหนึ่งทั้งคิดทั้งทำไม่เอาไหนเลยก็มีมีบ่อยครั้งและค่อนข้างเกิดขึ้นมากในหมู่นักศึกษาศิลปะ กับผู้ที่ต้องการเป็นศิลปินอาชีพ พวกเขามักมองอนาคตค่อนข้างเลือนราง ไม่สามารถกำหนดทิศทางและบทบาทของตนเองได้ว่าจะเลือกเส้นทางใดดี ซึ่งบทบาทและหน้าที่ของศิลปินนั้นมีอยู่มากมายด้วยกัน  คือทำหน้าที่บันทึก  เป็นผู้จารึกบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในยุคสมัยที่ศิลปินมีชีวิตอยู่ การบันทึกนี้เป็นไปได้ทั้งมุมมองที่แคบและกว้าง  อาจเป็นทัศนะทางสุคติ หรือมองโลกในแง่ดีหรือทุคติซึ่งเป็นการมองโลกในแง่ร้ายหรือจะแง่สัมมาคติอันเต็มไปด้วยทรรศนะกลาง ๆ ก็ย่อมได้  การสะท้อนถ่ายในแนวนี้เป็นไปได้ทั้งแบบตรงไปตรงมา ดุจภาพสะท้อนของกระจกเงาหรือแฝงอารมณ์ความคิดเห็นของศิลปินลงไปก็ไม่ผิดกติกา ศิลปินผู้ทำหน้าที่ในแนวทางนี้มีอยู่มากในสังคมของชาวตะวันตกในปัจจุบัน ดังเช่นศิลปินกลุ่มป๊อบ อาร์ต กลุ่มสัจนิยมใหม่ กลุ่มแฮฟเพ็นนิ่ง ฯลฯ มีข้อน่าสังเกตอยู่บ้างก็คือศิลปินไทยเลือกเส้นทางนี้น้อยมาก

มีพัฒนาการบนพื้นฐานของความเป็นไทยลักษณะนิสัยที่อ่อนหวานละมุนละไม

24

ศิลปะไทย เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย ซึ่งคนไทยทั้งชาติต่างภาคภูมิใจอย่างยิ่งความงดงามที่สืบทอดอันยาวนานมาตั้งแต่อดีต บ่งบอกถึงวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น โดยมีพัฒนาการบนพื้นฐานของความเป็นไทย ลักษณะนิสัยที่อ่อนหวาน ละมุนละไม รักสวยรักงาม ที่มีมานานของสังคมไทย ทำให้ศิลปะไทยมีความประณีตอ่อนหวาน เป็นความงามอย่างวิจิตรอลังการที่ทุกคนได้เห็นต้องตื่นตา ตื่นใจ อย่างบอกไม่ถูก ลักษณะความงามนี้จึงได้กลายเป็นความรู้สึกทางสุนทรียภาพโดยเฉพาะคนไทยและศิลปะไทยยังตัดเส้นด้วยสีดำและสีน้ำตาลเท่านั้นเมื่อเราได้สืบค้นความเป็นมาของสังคมไทย พบว่าวิถีชีวิตอยู่กันอย่างเรียบง่าย มีประเพณีและศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรมมาก่อน ดังนั้น ความผูกพันของจิตใจจึงอยู่ที่ธรรมชาติแม่น้ำและพื้นดิน สิ่งหล่อหลอมเหล่านี้จึงเกิดบูรณาการเป็นความคิด ความเชื่อและประเพณีในท้องถิ่น แล้วถ่ายทอดเป็นวัฒนธรรมไทยอย่างงดงาม ที่สำคัญวัฒนธรรมช่วยส่งต่อคุณค่าความหมายของสิ่งอันเป็นที่ยอมรับในสังคมหนึ่ง ๆ ให้คนในสังคมนั้นได้รับรู้แล้วขยายไปในขอบเขตที่กว้างขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่การสื่อสารทางวัฒนธรรมนั้นกระทำโดยผ่านสัญลักษณ์ และสัญลักษณ์นี้คือผลงานของมนุษย์นั้นเองที่เรียกว่า ศิลปะไทย

ปัจจุบันคำว่า “ศิลปะไทย” กำลังจะถูกลืมเมื่ออิทธิพลทางเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาแทนที่สังคมเก่าของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกแห่งการสื่อสารได้ก้าวไปล้ำยุคมาก จนเกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยอดีต โลกใหม่ยุคปัจจุบันทำให้คนไทยมีความคิดห่างไกลตัวเองมากขึ้น และอิทธิพลดังกล่าวนี้ทำให้คนไทยลืมตัวเราเองมากขึ้นจนกลายเป็นสิ่งสับสนอยู่กับสังคมใหม่อย่างไม่รู้ตัว มีความวุ่นวายด้วยอำนาจแห่งวัฒนธรรมสื่อสารที่รีบเร่งรวดเร็วจนลืมความเป็นเอกลักษณ์ของชาติเมื่อเราหันกลับมามองตัวเราเองใหม่ ทำให้ดูห่างไกลเกินกว่าจะกลับมาเรียนรู้ว่า พื้นฐานของชาติบ้านเมืองเดิมเรานั้น มีความเป็นมาหรือมีวัฒนธรรมอย่างไร ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เราลืมมองอดีตตัวเอง การมีวิถีชีวิตกับสังคมปัจจุบันจำเป็นต้องดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าเรามีปัจจุบันโดยไม่มีอดีต เราก็จะมีอนาคตที่คลอนแคลนไม่มั่นคง การดำเนินการนำเสนอแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนศิลปะในครั้งนี้ จึงเป็นเสมือนการค้นหาอดีต โดยเราชาวศิลปะต้องการให้อนุชนได้มองเห็นถึง ความสำคัญของบรรพบุรุษ ผู้สร้างสรรค์ศิลปะไทย ให้เราทำหน้าที่สืบสานต่อไปในอนาคต